top of page

ประโยชน์ของกลิ่นชนิดต่างๆที่ Bubble Bloom นำมาผลิตสบู่

อัปเดตเมื่อ 3 มี.ค. 2562

ประโยชน์ของลาเวนเดอร์



1. ช่วยให้ผ่อนคลาย กลิ่นของดอกลาเวนเดอร์ช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและง่วงนอน ส่งผลให้การนอนหลับดี แค่เพียงแค่ได้กลิ่นของดอกลาเวนเดอร์ หรือ ใส่ดอกลาเวนเดอร์แห้งลงในแจกันแล้วตั้งไว้ที่หัวเตียงหรือจะใช้น้ำมันหอมระเหยก็สามารถช่วยได้เช่นกัน

2. ขจัดรังแค

Francesca Fusco แพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญในนิวยอร์กได้แนะนำวิธีการรักษารังแคด้วยน้ำมันสกัดจากดอกลาเวนเดอร์และวิจัยออกมาว่าดอกลาเวนเดอร์มีสรรพคุณช่วยขจัดรังแค สำหรับคนที่มีรังแค

3. ลดอาการคันที่ผิวหนัง

แพทย์หญิง Naila Malik แพทย์ผิวหนังในเท็กซัสได้อธิบายไว้ว่าสารสกัดจากดอกลาเวนเดอร์ สามารถช่วยแก้อาการคันจากยุงกัดได้ เพราะลาเวนเดอร์มีฤทธิ์เป็นยาแก้อักเสบตามธรรมชาติ สามารถช่วยลดอาการคันและบวมแดงได้



ประโยชน์ของกุหลาบ



1. ช่วยคลายเครียด กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกกุหลาบมีอานุภาพทำลายล้างความวิตกกังวล ความเครียด และความเศร้าหมองในจิตใจได้ พร้อมกับช่วยให้อาการวิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะดีขึ้น ดอกกุหลาบก็เป็นดอกไม้บำบัดชนิดหนึ่งเหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเวลาได้กลิ่นดอกกุหลาบแล้วร่างกายจะรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ช่วยให้จิตใจสงบลดความฟุ้งซ่านได้

2. ควบคุมฮอร์โมนเพศหญิงได้

กลิ่นกุหลาบมีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์ในเพศหญิง สามารถช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนผู้หญิงให้อยู่ในสภาวะสมดุลได้ ซึ่งด้วยสรรพคุณของดอกกุหลาบในด้านนี้ เราจึงมักจะเห็นเครื่องสำอางชนิดต่าง ๆ มีส่วนผสมของน้ำมันสกัดจากดอกกุหลาบ โดยเฉพาะในครีมบำรุงผิวเพื่อลดริ้วรอย หรือครีมกระชับผิวให้เต่งตึง หรือครีมบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น เป็นต้น

3. แก้ไข้ น้ำดอกไม้เทศหรือการละลายน้ำมันสกัดจากดอกกุหลาบในน้ำ เป็นสูตรยาแก้ไข้ตัวร้อนของไทยมาช้านาน โดยสรรพคุณแผนโบราณของดอกกุหลาบมีฤทธิ์แก้ไข้ตัวร้อน แก้กระหาย แก้อ่อนเพลีย และบำรุงกำลัง

4. กระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกาย ดอกกุหลาบอุดมไปด้วยวิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มไซโคปีน ซึ่งได้จากสารสีแดงจากกลีบดอกกุหลาบนั่นเอง ประโยชน์จากสารเหล่านี้ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน



ประโยชน์ของน้ำผึ้ง



1. ดูแลผิวให้ห่างไกลจากโรคผิวหนัง

เนื่องจากในน้ำผึ้งมีสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ที่ได้จากธรรมชาติ ทั้งยังมีคุณสมบัติในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและจุลินทรีย์ อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาผิวหนังได้เป็นอย่างดี น้ำผึ้งนอกจากจะต่อต้านเชื้อเหล่านั้นได้แล้ว ยังสามารถช่วยรักษาบาดแผล ลดอาการผื่นแดง อาการคันและอาการติดเชื้อในผิวหนังได้ด้วยเช่นกัน

2. รักษาแผลให้หายเร็วขึ้น

เพราะน้ำผึ้งมีคุณสมบัติที่สามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและจุลินทรีย์ได้จึงสามารถนำน้ำผึ้งมารักษาอาการอักเสบและรักษาบาดแผลให้หายได้เร็วขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อน้ำผึ้งรวมตัวเข้ากับของเหลว มันจะเปลี่ยนคุณสมบัติให้กลายมาเป็นไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์แบบอ่อนๆ โดยจะยิ่งช่วยรักษาบาดแผลให้หายได้เร็วขึ้นได้ด้วยนั่นเอง

3. บำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น

น้ำผึ้ง อุดมไปด้วยอาหารผิวหลากหลายชนิด ที่มีส่วนช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวพรรณจึงทำให้ผู้หญิงนิยมนำน้ำผึ้งมาใช้เป็นส่วนผสมในการมาส์กผิวและสครับผิวเป็นประจำ

4. กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวกระจ่างใส

น้ำผึ้ง เป็นแหล่งของสารอาหารต่างๆ หลายชนิด เช่น แมกนีเซียม แคลเซียมและโพแทสเซียม ซึ่งสารอาหารเหล่านี้ ล้วนมีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิวและช่วยเร่งกระบวนการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวเก่า ให้หลุดออกได้อย่างอ่อนโยน แถมยังเป็นอาหารผิวชั้นเยี่ยมที่สามารถเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติและหากใช้เป็นประจำร่วมกับส่วนผสมสครับผิว ผิวจะสวยกระจ่างใสอย่างเห็นได้ชัด

5. ทำความสะอาดผิวได้อย่างหมดจด

เพราะในน้ำผึ้งมีเอนไซม์จากธรรมชาติ หากนำมารวมกับน้ำจะเกิดคุณสมบัติที่สามารถช่วยฆ่าเชื้อได้หรือที่เรียกกันว่า แอนตี้เซปติก (Antiseptic) จึงทำให้น้ำผึ้งสามารถนำมาเป็นตัวช่วยในการล้างหน้าได้เป็นอย่างดีเพราะจะช่วยกำจัดสิ่งสกปรกให้หลุดออกจากผิวหนังได้อย่างล้ำลึก ที่สำคัญการล้างหน้าด้วยน้ำผึ้ง ยังช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าได้ด้วย ช่วยตอบโจทย์การมีผิวสวยสุขภาพดีในแบบที่สะอาดหมดจดได้อย่างแน่นอน

6. รักษาสิวด้วยน้ำผึ้ง

เมื่อไรที่สิวขึ้นหน้าสามารถใช้น้ำผึ้งรักษาสิวได้เช่นเดียวกัน เพียงแค่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำผึ้ง สิวก็จะค่อยๆ ยุบและหายไปโดยเร็ว สาเหตุที่น้ำผึ้งรักษาสิวได้ก็เพราะว่าน้ำผึ้งมีคุณสมบัติเป็นดั่งยาฆ่าเชื้อ โดยสามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุของการเกิดสิวและช่วยลดอาการอักเสบสิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ

7. ชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย

ผู้หญิงเราเมื่ออายุมากขึ้น คอลลาเจนและอีลาสตินก็เริ่มลดน้อยลง แน่นอนว่า ริ้วรอยย่อมต้องมาเยือนเป็นธรรมดา น้ำผึ้ง ก็มีคุณสมบัติช่วยชะลอและลดเลือนริ้วรอยได้เช่นเดียวกัน สังเกตได้จากผลิตภัณฑ์บำรุงผิวในแบรนด์ต่างๆที่มักนำเอาน้ำผึ้งมาเป็นหนึ่งในสารประกอบของเครื่องสำอางหรือสกินแคร์เพราะคุณสมบัติของน้ำผึ้ง ที่มีสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ในตัว จึงช่วยต่อต้านการเกิดริ้วรอยอย่างได้ผลนั่นเอง



ประโยชน์ของอบเชย



1. ช่วยลดเลือนริ้วรอย

เนื่องจากอบเชยเป็นสมุนไพรที่มีคุณสมบัติกระตุ้นระบบการไหลเวียนเลือดจึงสามารถช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี เพราะการที่เลือดไหลเวียนบนใบหน้าได้อย่างไม่ทั่วถึงนั้นก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุนำมาซึ่งปัญหาริ้วรอยก่อนวัยได้ด้วยเช่นกัน

2. บำรุงริมฝีปากให้นุ่มชุ่มชื้น

การนำอบเชยสกัดมาทาเคลือบบนผิวริมฝีปากบางๆ เป็นประจำทุกวันจะช่วยบำรุงเรียวปากให้นุ่มชุ่มชื้นอย่างมีสุขภาพดีได้ ทาลิปสติกแล้วสวยติดทนนานแบบไร้ร่องแตกระแหง

3. แก้อาการคันและแพ้บนผิวหนัง

ผิวหนังที่เกิดอาการแพ้และมีอาการคันร่วมด้วยนั้นก็สามารถใช้ผงอบเชยมาช่วยแก้ปัญหานี้ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นอาการแพ้และคันทุกชนิดก็สามารถจัดการได้โดยเฉพาะในคนที่มีปัญหาน้ำเหลืองไม่ดี อบเชยจะช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนังได้เป็นอย่างดีนั่นเอง

4. กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนให้ผิว

เนื่องจาก อบเชยมีสารซินนามาลดีไฮด์ (Cinnamaldehyde) ที่จะช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น สามารถเรียกคืนอีลาสตินกลับคืนสู่ผิวสวยได้อย่างใจ

5. รักษาสิวด้วยอบเชย

ประโยชน์ของอบเชย สามารถนำมาใช้รักษาสิวได้อย่างดีทีเดียว เพราะอบเชยมีสรรพคุณช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนัง จึงสามารถยับยั้งและฆ่าเชื้อซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้นั่นเองดังนั้น

6. สครับผิวให้กระจ่างใส

อบเชยสามารถเป็นสมุนไพรที่นำมาทำสครับผิวสวยกระจ่างใสเรียบเนียนได้เพื่อผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพแล้วให้หลุดออก ประโยชน์ของอบเชย จะช่วยเนรมิตผิวสวยเนียนกระจ่างใสแบบไร้ที่ติได้อย่างแน่นอน

7. นวดบำรุงผิว

ผิวพรรณที่สวยเปล่งปลั่งก็มาจากระบบไหลเวียนเลือดด้วยนั่นเอง นอกจากช่วยกระตุ้นระบบการไหลเวียนเลือดแล้ว ยังช่วยให้สร้างความผ่อนคลายให้ผิว และบำรุงผิวให้อ่อนเยาว์ได้ด้วย

8. บำรุงผมและหนังศีรษะด้วยอบเชย

อบเชย เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณโดดเด่นในเรื่องการกระตุ้นระบบไหลเวียนของเลือดและช่วยฆ่าเชื้อโรคได้เป็นอย่างดีเพราะฉะนั้นใครที่มีปัญหาหนังศีรษะ ไม่ว่าจะมีอาการคันหรือรังแคก็ตาม สามารถใช้อบเชยมาทำเป็นสูตรบำรุงสุขภาพหนังศีรษะได้เลย



ประโยชน์ของเปปเปอร์มิ้นท์ (สะระแหน่)



1. ลดการปวดกล้ามเนื้อ

เปปเปอร์มิ้นท์ เป็นยาแก้ปวดตามธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพมากและช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้ดี สามารถนำไปใช้นวดผ่อนคลายบริเวณที่ปวด ไม่ว่าจะเป็นปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อหรือผสมกับน้ำมันตัวพาแล้วนวดเพื่อลดการปวดหัวจากการศึกษาพบว่า เปปเปอร์มิ้นท์ สามารถนำไปปรับใช้เพื่อลดการปวดกล้ามเนื้อและผู้ที่ปวดบริเวณเนื้อเยื่อพังผืด

2. ลดไซนัสอักเสบ

การสูดดมเปปเปอร์มิ้นท์ ช่วยลดอาการคัดจมูกและบรรเทาอาการเจ็บคอ ฟื้นตัวจากไข้หวัดเร็วขึ้น บรรเทาหอบหืด หลอดลมและช่วยให้ทางเดินหายใจดีขึ้น จากการศึกษาพบว่า เปปเปอร์มิ้นท์ สามารถช่วยต้านเชื้อจุลินทรีย์และเชื้อไวรัสได้

3. บรรเทาภูมิแพ้จากอากาศเปลี่ยนแปลง

เปปเปอร์มิ้นท์ มีประสิทธิภาพในการช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อในทางเดินหายใจ ลดการแพ้เพราะช่วยขับเสมหะ ทำให้ชุ่มชื่น ช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้จากอากาศ

4. บรรเทาอาการปวดหัว

เปปเปอร์มิ้นท์ มีความสามารถช่วยให้การไหลเวียนของร่างกาย ทางเดินอาหารและช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้เปปเปอร์มิ้นท์บรรเทาอาการปวดหัวหรือแก้ปวดหัวไมเกรนได้

5. ช่วยให้ลมหายใจสดชื่น

ย้อนกลับไปในอดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลากว่า 1000 ปีแล้ว ที่เปปเปอร์มิ้นถูกนำมาใช้ดูแลช่องปากตามธรรมชาติ เพราะเปปเปอร์มิ้นมีคุณสมบัติในการต้านแบคทีเรียและเชื้อราที่เป็นสาเหตุของฟันผุและการติดเชื้อ เพื่อให้ลมปากที่หอมสดชื่นพร้อมกับสุขภาพปากที่แข็งแรง

6. ช่วยให้ผมยาวเร็วขึ้นและลดรังแค

เปปเปอร์มิ้น มีประสิทธิภาพมากในการบำรุงผมจึงถูกนำไปเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์บำรุงผมต่างๆ เพราะช่วยให้ผมหนาขึ้นและบำรุงผมที่ถูกทำร้าย และช่วยกระตุ้นหนังศรีษะ และเมนทอลที่อยู่ในเปปเปอร์มิ้นสามารถต้านพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยลดเชื้อโรคบนผมอีกทั้งลดรังแคบนหนังศีรษะ ช่วยให้ผมยาวและแข็งแรง และยังช่วยลดปัญหาผมเสียได้อย่างดี

7. ช่วยบำรุงผิว

เปปเปอร์มิ้น มีประสิทธิภาพช่วยให้ผิวนุ่มนวล ปรับสีผิว และมีคุณสมบัติในการต้านพิษ ทำให้ลดการเกิดผื่น การแพ้ได้ดียิ่งขึ้น

8. ลดผิวไหม้แดด

เปปเปอร์มิ้นสามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวและบรรเทาผิวไหม้แดด หรือสามารถใช้เพื่อลดผิวไหม้แดดได้เนื้องจากในน้ำมันหอมระเหยเปปเปอร์มิ้นมี SPF ที่สูงพอๆลาเวนเดอร์



ประโยชน์ของ White Musk



1. ช่วยดัดกลิ่นฉุนของแอลกอฮอล์

2. เป็นตัวช่วยให้น้ำหอมติดทนนานยิ่งขึ้น ทำให้กลิ่นต่างๆมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น

3. นิยมนำไปทำเป็นกลิ่นหอมของน้ำหอม

4. สามารถนำไปใช่ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์อโรม่า สปาและอื่นๆอีกมากมาย



ประโยชน์ของชาโคล



ชาร์โคล หรือ ผงถ่าน หรือ ผงคาร์บอนกัมมันต์ ซึ่งเป็นผงถ่านที่ได้จากการเผาไม้ไผ่ที่อุณหภูมิสูงกว่า 1,000 องศาเซลเซียส ซึ่งเมื่อไม้ไผ่ถูกเผาด้วยความร้อนสูงขนาดนี้จะปล่อยรังสีอินฟราเรดคลื่นยาว และประจุลบ หรือ negative ion ที่สามารถเปลี่ยนอนุมูลอิสระให้เป็นออกซิเจน นอกจากนี้ในถ่านไม้ไผ่ยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุ อาทิ แคลเซียม โปแตสเซียม โซเดียมและธาตุเหล็ก ซึ่งมีสรรพคุณในการขับพิษสารตกค้างในร่างกายและผิวหนัง ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายและกระตุ้นให้เกิดการสร้างชั้นผิวใหม่ ลดความมัน เชื้อแบคทีเรีย ลดการเกิดสิว บำรุงผิวให้สดใส สะอาด นุ่ม และชุ่มชื้น


1. ใช้ระงับกลิ่นกาย ใช้มาส์กหน้าและตัว

ชาโคล มีคุณสมบัติสามารถระงับกลิ่นกายและจากเหงื่อได้ ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่า มีเครื่องสำอางต่างๆ มักจะใช้ชาโคลเป็นส่วนผสมในการผลิต เพราะชาโคลมีคุณสมบัติช่วยดูดซับสิ่งสกปรกและสารพิษต่างๆ

2. ใช้แปรงฟัน

ชาโคล สามารถใช้แทนยาสีฟันได้ แม้เวลาแปรงจะทำให้ปากและฟันดำ แต่หลังใช้จะเห็นได้ชัดว่า ช่วยทำให้ฟันขาวขึ้น และสะอาดขึ้นแน่นอน 3. ดูดซับสิ่งสกปรกและสารพิษ

ชาโคลมีคุณสมบัติช่วยขจัดสิ่งสกปรกได้ หากสังเกตุจะเห็นได้ว่าในเครื่องกรองน้ำ หากว่าแกะชั้นกรองออกมาดู จะพบว่ามีผงถ่านอยู่ในชั้นกรอง สาเหตุเพราะชาโคลนั้นมีคุณสมบัติสามารถดูดซับสิ่งสกปรกและสารพิษได้ดีนั้นเอง 4. ใช้ฟอกอากาศ

ในสถานที่ที่มีกลิ่นอับหรือห้องเหม็นอับ มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ กลิ่นในตู้เย็น เพียงแค่วางชาโคลไว้ ก็จะช่วยกำจัดกลิ่น และแบคทีเรียได้ด้วย 5. ใช้ทำความสะอาดผิวและเส้นผม

ไม่ว่าจะเป็นสบู่ โฟมล้างหน้าที่มีส่วนผสมของชาโคล หากใช้ก็จะรู้สึกได้เลยว่าสะอาดกว่าสบู่ โฟมล้างหน้าปกติ 6. ใช้เป็นยารักษาบาดแผล

ชาโคลสามารถช่วยเรื่องแผลติดเชื้อ อาการบวม ปวด หรือแผลจากแมลงกัดได้



ที่มา :

Comentarios


bottom of page